Dearg Due (เดียร์คดิว) แวมไพร์สาวผู้อาภัพรัก

Dearg Due

                  Dearg Due กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวงามนางหนึ่งนามว่า “เดียร์ก-เดียร์” ซึ่งความงดงามของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศ เธอสามารถแต่งงานกับผู้ชายคนใดก็ได้ที่เธอต้องการ แต่เธอกลับตกหลุมรักกับชาวนาธรรมดาเสียอย่างนั้น ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้พ่อของเธอไม่พอใจอย่างมากและไม่ยอมรับในตัวชาวนา จึงบังคับให้เธอแต่งงานกับชายเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เพื่อผลประโยชน์ในอนาคต และเรื่องทางการเงินของครอบครัว ซึ่งสามีใหม่คนนี้ได้ปฏิบัติต่อ Dearg-due อย่างโหดร้ายทารุณทั้งทำร้ายร่างกาย และกักขังเธอไว้ และในที่สุดเธอก็ฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่ามันเป็นเพราะหัวใจที่แตกสลายที่ฆ่าเธอ

                     การฝังศพของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่าย และร่างของเธอก็ถูกฝังอยู่ในสุสานเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ใกล้กับต้นไม้สตรองโบว์ ในหมู่บ้านวอเตอร์ฟอร์ด ส่วนคนๆเดียวที่ไว้ทุกข์ให้กับการตายของเธอ ก็คือชายหนุ่มชาวนาอดีตคนรักของเธอ  ซึ่งเขามักจะมาเยี่ยมหลุมศพของเธอในทุกๆ วัน และสวดขอร้องอ้อนวอนให้เธอกลับมาหาเขา เรื่องราวบอกเราว่าหนึ่งปีผ่านไปหลังจากที่เธอเสียชีวิต เธอก็ได้ลุกขึ้นจากหลุมศพ ซึ่งความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยและอาฆาต และต้องการกลับมาล้างแค้น เธอได้ตรงไปที่บ้านพ่อของเธอในทันที  และในขณะที่เธอพบว่าเขากำลังหลับอยู่ เธอก็วางริมฝีปากไว้บนร่างของเขาและดูดพลังชีวิตออกมา และหลังจากนั้น เธอจึงเดินทางไปยังที่บ้านอดีตสามีของเธอ และฆาตกรรมเขาอย่างเลือดเย็น เพราะเธอไม่ได้ดูดลมหายใจแห่งชีวิตออกจากเขาเพียงเท่านั้น แต่เธอยังดูดเลือดของเขาอีกด้วย และว่ากันว่าเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายเข้ามา ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

Dearg Due 2

                   เป็นที่เลื่องลือกันว่า Dearg-dueมักจะลุกขึ้นจากหลุมศพของตัวเอง เพื่อหลอกล่อเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายให้ติดกับก่อนจะดื่มกินเลือดของพวกเขาจนพวกเขานั้นเสียชีวิต ซึ่งเธอมักจะปรากฏกายในรูปของสาวสวย 

                   ในตำนานได้กล่าวเอาไว้ถึงช่วงเวลาที่เธอมักจะฟื้นจากความตาย บ้างก็บอกว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับพระจันทร์เต็มดวงในทุกๆ วัน บ้างก็บอกว่าเธอฟื้นจากความตายปีละครั้งในวันครบรอบการเสียชีวิตของเธอ ส่วนเรื่องราวในเวอร์ชั่น Dearg-dueส่วนใหญ่อ้างว่าเธอสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับค้างคาวได้ ในขณะที่เวอร์ชั่นอื่นๆ ไม่ได้กล่าวถึงความสามารถในการแปลงกาย บางตำนานกล่าวว่าเธอไม่ดื่มเลือด แต่จะดูดเอาพลังชีวิตจากผู้ชายไปจนกว่าพวกเขาจะค่อยๆ เหี่ยวเฉาและตายไป ซึ่งคาดว่าความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับชายหนุ่มชาวนา เธอก็ได้ลืมไปหมดแล้ว เราจึงไม่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป และตำนานของ Dearg-dueจึงได้ถือกำเนิดขึ้น

Dearg Due 3

                     ตามตำนานกล่าวเอาไว้ว่า วิธีเดียวที่จะเอาชนะ Dearg-dueคือการวางก้อนหินเอาไว้บนหลุมศพของเธอ แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถ “ฆ่า” เธอ แต่จะป้องกันไม่ให้เธอลุกขึ้นมาจากหลุมศพ  บางตำนานก็กล่าวว่าเราจะสามารถหลบหนีผีตนนี้ได้ก็ต่อเมื่อ มีตัวตายตัวแทนด้วยเหยื่อรายอื่น บางคนก็คิดว่า “แดร็กคิวล่า” เดิมทีมีพื้นฐานมาจาก                    Dearg-dueและพวกเขายังโต้แย้งว่า นักเขียนอย่าง “สโตเกอร์” ก็ไม่เคยเดินทางไปยุโรปตะวันออก ดังนั้นเขาจึงรู้เพียงจากปากและความเชื่อของคนในพื้น ซึ่งมาจากคำบอกเล่าของนักเดินทางอีกทีเท่านั้น พวกเขายังกล่าวต่อไปว่า “Dracula” ถูกเขียนขึ้นในช่วง “Celtic Revival” ที่ยิ่งใหญ่ของไอร์แลนด์ และพวกเขาก็เชื่อว่า Stoker ใช้ชื่อ “Dracula” จาก Dreach-Fhoula ออกเสียงว่า droc’ola ซึ่งแปลว่า “เลือดเสียหรือสิ่งปนเปื้อน” 

                       Du’n Dreach-Fhoula หรือ Castle of the Blood Visage ควรจะเป็นป้อมปราการที่เฝ้าทางผ่านในMagillycuddy ใน Kerry และเชื่อกันว่าที่นั่นเป็นที่อยู่อาศัยของนางฟ้าผู้ที่ดื่มเลือด ถึงแม้ว่าจะไม่เคยพบเห็น หรือแม้แต่ ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าที่ตั้งของมันอยู่ที่ไหน แต่ถึงแม้จะรู้ก็ไม่มีใครยอมบอก

                           แต่ในอีกด้านหนึ่งของการโต้เถียงกัน คือนักโบราณคดีชาวไอริชได้กล่าวว่าเรื่องราวของ “เซลติก” ที่บันทึกไว้ไม่ได้กล่าวถึง Dearg-dueเลย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถอธิบายการคงอยู่ของเรื่องราวปากเปล่าของแวมไพร์ไอริชตัวนี้ได้ เพราะอย่างนั้นเราจึงจะปล่อยให้คุณตัดสินใจเองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เครดิตภาพ 

cropped_dearg-due-vampire-gett.jpg (640×400) (irishcentral.com)

imagesCAUA5QFN.jpg (259×194) (bp.blogspot.com)

https://scontent.fbkk9-3.fna.fbcdn.net5

บทความที่คุณอาจสนใจ ลูกกรอก ผีน้อยผู้น่าสงสาร