<strong>Dullahan อัศวินหัวขาด </strong>

           Dullahan เป็นที่รู้จักกันในฐานะอัศวินขี่ม้าหัวขาดในตำนานและเป็นหนึ่งในตำนานของ Celtic God Crom Dubh ของชาวไอริชอีกด้วย เรื่องราวของเขานั้นกล่าวว่าเขาคือ อัศวินควบม้าหัวขาดที่เดินทางท่องไปในดินแดนไอร์แลนด์เพื่อออกตามหาเหยื่อ  “ดูลาฮานแห่งตำนานเซลติก” Dullahanเป็นหนึ่งในนิทานที่มีชื่อเสียงที่สุดในตำนานของชาวไอริชและเมื่อเวลาผ่านไปหลายปีเรื่องราวดังกล่าวก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก              แต่ในทางกลับกัน นักขี่ม้าหัวขาดก็ได้กลายเป็นตัวละครหลักที่ได้อยู่ในตำนานของวัฒนธรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่นเดียวกับในเรื่องราวสยองขวัญสมัยใหม่ ดูลาฮานเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากรูปร่างลักษณะของเขาที่ไม่มีหัว และมีเรื่องราวมากมายที่บ่งบอกว่าเขาสูญเสียศีรษะไปได้อย่างไร หนึ่งในนั้นคือ ครั้งเมื่อยังมีชีวิตเขาเคยเป็นทหาร แต่กลับถูกพรากชีวิตไปในสนามรบ               ส่วนการเดินทางสัญจรไปมาของเขานั้น ได้รับการพรรณนาว่าเขาได้พยายามค้นหาศีรษะที่หายไปชั่วนิรันดร์ ในขณะที่เขาควบม้าไปตามทาง แต่อย่างไรก็ตาม บางเรื่องก็บอกว่าเขามีหัวอยู่ในมืออยู่แล้วและเขาก็ขี่ม้าตามหาเหยื่อด้วยจุดประสงค์ที่เลวร้ายกว่านั้น เพราะเชื่อกันว่าตัวเขาขมขื่นกับความตายของเขาเอง จนต้องค้นหาวิญญาณดวงอื่นๆเพื่อพาเขาไปสู่ชีวิตใหม่ “รูปลักษณ์ของDullahan”                           โดยทั่วไปเขาจะปรากฏตัวพร้อมกับม้าสีดำ ไร้ศีรษะ หรือบ้างก็ยืนบนรถม้าศึกสีดำที่ลากโดยม้าสีดำ 6 ตัว ว่ากันว่าม้าเหล่านี้วิ่งเร็วและรุนแรงมาก จนมีไฟเล็ดลอดออกมาจากรูจมูกและกีบเท้าของพวกมันขณะที่เท้ากระทบกับพื้น รถม้าที่บางคนเชื่อว่าเขาขี่นั้นทำมาจากโลงศพ หลุมฝังศพ และกระดูก ซึ่งแสดงถึงเจตนาชั่วร้ายของเขาที่จะปลิดชีวิตผู้บริสุทธิ์                            เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดำซึ่งปลิวไสวอยู่ข้างหลังของเขาขณะที่เขาขี่ม้าผ่านดินแดนต่างๆ และเป็นที่รู้กันว่าเขาถือศีรษะที่ถูกตัดออกไป ชูสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อค้นหาวิญญาณที่เขาปรารถนาจะพาไป ซึ่งศีรษะที่ถูกตัดขาดของเขานั้นมีลักษณะที่น่ากลัว เพราะมันปกคลุมไปด้วยเนื้อเน่าซึ่งส่งกลิ่นเหม็นของชีสที่เน่าเปื่อยและผิวของแป้งเหม็นอับ ปากแตกเป็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว หากเมื่อเขาได้ปลิดชีพผู้อื่น ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยไฟชั่วร้ายฉายแววความสุข และพุ่งออกไปมองหาเหยื่ออย่างต่อเนื่อง “ควรอยู่ให้ห่างจากเส้นทางของDullahan”                             ไม่มีประตูล็อกเมืองใดที่สามารถปิดได้สนิทเมื่อเขาเข้ามาใกล้ มันจะเปิดออกเพื่อให้ Dullahanผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย ซึ่งในขณะที่เขาเดินผ่านเมืองและหมู่บ้านต่างๆ หลังพระอาทิตย์ตกดินผู้คนก็ซ่อนตัวอยู่หลังม่าน เพราะถ้าหากใครมองมายังเขา […]

<strong>Dearg Due (เดียร์คดิว) แวมไพร์สาวผู้อาภัพรัก</strong>

                  Dearg Due กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวงามนางหนึ่งนามว่า “เดียร์ก-เดียร์” ซึ่งความงดงามของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศ เธอสามารถแต่งงานกับผู้ชายคนใดก็ได้ที่เธอต้องการ แต่เธอกลับตกหลุมรักกับชาวนาธรรมดาเสียอย่างนั้น ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้พ่อของเธอไม่พอใจอย่างมากและไม่ยอมรับในตัวชาวนา จึงบังคับให้เธอแต่งงานกับชายเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เพื่อผลประโยชน์ในอนาคต และเรื่องทางการเงินของครอบครัว ซึ่งสามีใหม่คนนี้ได้ปฏิบัติต่อ Dearg-due อย่างโหดร้ายทารุณทั้งทำร้ายร่างกาย และกักขังเธอไว้ และในที่สุดเธอก็ฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่ามันเป็นเพราะหัวใจที่แตกสลายที่ฆ่าเธอ                      การฝังศพของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่าย และร่างของเธอก็ถูกฝังอยู่ในสุสานเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ใกล้กับต้นไม้สตรองโบว์ ในหมู่บ้านวอเตอร์ฟอร์ด ส่วนคนๆเดียวที่ไว้ทุกข์ให้กับการตายของเธอ ก็คือชายหนุ่มชาวนาอดีตคนรักของเธอ  ซึ่งเขามักจะมาเยี่ยมหลุมศพของเธอในทุกๆ วัน และสวดขอร้องอ้อนวอนให้เธอกลับมาหาเขา เรื่องราวบอกเราว่าหนึ่งปีผ่านไปหลังจากที่เธอเสียชีวิต เธอก็ได้ลุกขึ้นจากหลุมศพ ซึ่งความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยและอาฆาต และต้องการกลับมาล้างแค้น เธอได้ตรงไปที่บ้านพ่อของเธอในทันที  และในขณะที่เธอพบว่าเขากำลังหลับอยู่ เธอก็วางริมฝีปากไว้บนร่างของเขาและดูดพลังชีวิตออกมา และหลังจากนั้น เธอจึงเดินทางไปยังที่บ้านอดีตสามีของเธอ และฆาตกรรมเขาอย่างเลือดเย็น เพราะเธอไม่ได้ดูดลมหายใจแห่งชีวิตออกจากเขาเพียงเท่านั้น แต่เธอยังดูดเลือดของเขาอีกด้วย และว่ากันว่าเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายเข้ามา ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง                    เป็นที่เลื่องลือกันว่า Dearg-dueมักจะลุกขึ้นจากหลุมศพของตัวเอง เพื่อหลอกล่อเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายให้ติดกับก่อนจะดื่มกินเลือดของพวกเขาจนพวกเขานั้นเสียชีวิต ซึ่งเธอมักจะปรากฏกายในรูปของสาวสวย                     ในตำนานได้กล่าวเอาไว้ถึงช่วงเวลาที่เธอมักจะฟื้นจากความตาย บ้างก็บอกว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับพระจันทร์เต็มดวงในทุกๆ วัน บ้างก็บอกว่าเธอฟื้นจากความตายปีละครั้งในวันครบรอบการเสียชีวิตของเธอ ส่วนเรื่องราวในเวอร์ชั่น Dearg-dueส่วนใหญ่อ้างว่าเธอสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับค้างคาวได้ ในขณะที่เวอร์ชั่นอื่นๆ ไม่ได้กล่าวถึงความสามารถในการแปลงกาย บางตำนานกล่าวว่าเธอไม่ดื่มเลือด แต่จะดูดเอาพลังชีวิตจากผู้ชายไปจนกว่าพวกเขาจะค่อยๆ […]

Slenderman บุรุษสวมสูทที่มักเลือกเด็กในการสื่อสาร

Slenderman ถือว่าถ้ามองผิวเผิน ก็จะกึ่งๆ ระหว่างเป็นตัวประหลาดอะไร จะคนหรือผี หรือเป็นสัตว์ประหลาด ที่มีแขนแต่ละข้าง 4-8 แขน ส่วน demongen มองดูแล้วรูปร่าง ที่สูงเกินมนุษย์ธรรมดา ในประเทศบ้านเราคงบอกว่า เป็นผีเปรตกันไปแล้ว แต่สำหรับต่างประเทศก็เรียกว่า มีตำนาน หรือการเล่าเกี่ยวกับบุรุษลึกลับตัวนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน  ซึ่งถ้าให้บอกลักษณะเด่น ที่เห็นไกลๆ แล้วสามารถบอกได้ก็คือ ลำตัวสูงมาก กับแขนที่แต่ละข้าง มีไม่ต่ำกว่า 4 ที่สำคัญคือ มีใบหน้าแต่ไม่มีตา จมูก และปาก ซึ่งนี่หากใครเจอ ไม่ต้องเสียเวลาเดา และการสื่อสารให้ทำสิ่งต่างๆ จะเลือกเหยื่อ หรือเป้าหมายเป็นเด็ก หรือผู้ที่มีความบกพร่องทางจิต เพราะคนกลุ่มนี้จะควบคุมง่าย และสื่อสารเข้าถึงจิตใจ และความคิดได้ง่ายกว่า  ความเป็นมา เรื่องราวถึงชายลึกลับที่มักหลอกล่อเด็ก อย่างที่ได้บอกแล้วว่า แต่ละเหตุการณ์ที่ Slenderman ต้องการให้เกิดการทำสิ่งใด จะเข้าถึงโดยใช้ให้เด็ก เป็นผู้รับสาร และลงมือทำมากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงผู้ที่มีความไม่แข็งแรงทางจิตใจ หรือจิตบกพร่องนั่นเอง ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงที่อเมริกา และเป็นข่าวที่โด่งดังทั่วโลก กับคดีฆาตกรรมซึ่งผู้ที่เป็นฆาตกร คือเด็กวัย […]

เฟรดดี้ ครูเกอร์ ปีศาจร้ายที่มากับฝันสยอง

เฟรดดี้ ครูเกอร์ หากเราไม่ชินกับชื่อนี้ demongen แนะนำว่าลองค้นหาภาพ เราทุกคนจะต้องจำได้ว่า ปีศาจที่มาในคราบคน ฆาตกรที่ตามหลอกหลอน ให้คนต่างไม่อยากที่จะนอน และเจอกับฝันร้าย ที่ไม่สามารถเอาชีวิตเรากลับมาลืมตาได้อีก หากเรื่องเล่าสยองขวัญ สามารถนำมาทำเป็นหนัง ภาพยนตร์ได้ เหตุการณ์เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องสยอง ที่ไม่ใช่มีตัวละครหลักเป็นผี หรือวิญญาณร้าย แต่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นคน ที่เริ่มต้นจากการโดนเผาทั้งเป็น ทำให้หน้าตาของเขา มีลักษณะเหมือนผิวหนังที่ย่น จากการโดนความร้อนเผา รวมถึงมือที่ปกปิดแผลผิวหนัง ด้วยการเติมกรงเล็บมีด แทนการพกมีดเหมือนฆาตกรคนอื่นๆ  เรื่องเล่าและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง กลายเป็นฆาตกรฝันร้าย เราเคยคิดกันบ้างมั้ยว่า คนหรือเหตุการณ์ที่เกิดจาก การกระทำของคนๆ หนึ่งที่เรามองว่า รุนแรง และโหดร้ายนั้น มาจากสิ่งที่เขาเจอ หรือสิ่งที่คนๆ นั้นโดนเก็บกด หรือกระทำมาตลอดหรือไม่ ในตัวอย่าง ที่มีการบอกเล่าต่างๆ นานา กับเรื่องราวของเฟรดดี้ ครูเกอร์ และสิ่งที่มีเนื้อหาเหมือนกันคือ การที่ชายคนนี้ตายด้วยการโดนผาทั้งเป็น  ความเจ็บปวด ทรมานก่อนตายคงไม่ต้องพูดถึง สำหรับฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีกรงเล็บเป็นใบมีดนี้ ที่หากเราดูในภาพหนัง เราคงบอกไม่ได้ว่า สรุปแล้วเป็นคนหรือผี ที่สามารถปรากฏตัวในความฝันได้อีกด้วย แต่ในเรื่องเล่าที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ต้องตายด้วยการโดนเผาทั้งเป็น กับเหตุการณ์ที่มีข่าวโรคระบาดประหลาด […]

เกาะตุ๊กตาผี ดินแดนต้องสาปแห่งเม็กซิโก

เกาะตุ๊กตาผี เรื่องราวสุดสยองขวัญที่มักจะพบได้ในหลากหลายซีรีส์และภาพยนตร์ ที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้รับชมอย่างต่อเนื่อง รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว ความสยองเหล่านี้ไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องเล่าเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องจริงที่กลายเป็นตำนานของประเทศเม็กซิโก สถานที่จริงที่ถูกเล่าขานไปทั่วโลกและมีผู้คนจำนวนมากที่แวะเวียนเข้ามาท้าพิสูจน สถานที่หลอนที่กลายเป็นที่เที่ยวอันน่าจดจำของโลก คือ Island of the Dead Dolls หรือ ในภาษาสเปนที่ถูกเรียกกันว่า  La Isla De Las Munecas ที่มาพร้อมกับประวัติความเป็นมาและเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง จุดกำเนิดของดินแดนแห่งความจิตตกและสถานที่ด้านมืดแห่งนี้คืออะไร ไปหาคำตอบกันเลย เกาะตุ๊กตา ที่เที่ยวสุดหลอน ความสะพรึงกลัวที่ใครๆ ก็อยากลองของ Island of the Dead Dolls เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ที่มีผู้ชื่นชอบความท้าทายจำนวนมากแวะเวียนเข้ามาท้าพิสูจน์ความน่ากลัวของตำนานความสยองขวัญ เป็นสถานที่ลี้ลับของประเทศเม็กซิโกที่ตั้งอยู่บริเวณ คลองโซชิมิลโก ทางตอนใต้ Mexico City สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ก็คือ การเป็นเกาะอันโดดเดี่ยว ที่คุณจะไม่พบสิ่งมีชีวิตของที่นี่นอกจากตุ๊กตารูปร่างหน้าตาน่ากลัวและแปลกประหลาด ประดับอยู่บริเวณต้นไม้และตามจุดต่างๆ ทั่วบริเวณเกาะ ท่ามกลางพลังงานของสิ่งมีชีวิตที่ยากจะสัมผัสได้ว่าคืออะไรกันแน่ แค่เพียงก้าวลงทางเดินที่นี่คุณก็จะพบกับรรยากาศที่ชวนสะพรึงเสมือนกับกำลังเดินเข้าสู่ดินแดนแห่งคำสาป ความเป็นมาของเกาะแห่งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงนิทานแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยที่นี่ได้ได้รับการเล่าขานถึงเด็กหญิงที่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำตายที่เกาะแห่งนี้ ในขณะที่เธอกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานร่วมกับเพื่อนๆ และต่อมาในปี 1953 ได้มีนักพรตฤาษีท่านหนึ่งนามว่า […]

แวมไพร์ ตำนานผีดิบผู้เป็นอมตะ ราชาแห่งปีศาจผู้ไม่มีวันตาย

แวมไพร์ เป็นตำนานแห่งความสยองที่ถูกเล่าขานกันมาอย่างยาวนานนับพันปี ถึงราชาปีศาจที่เต็มไปด้วยความดุร้ายและเยือกเย็น เป็นเรื่องเล่าและตำนานที่ถูกนำมาถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ ซีรีส์และผลงานด้านต่างๆ ที่ไม่เคยตกยุค โดยผีชนิดนี้ตามความเชื่อพบว่าเป็นผีดิบที่จะมีหน้าตาและรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์ แต่มีชีวิตที่เป็นอมตะและไม่มีวันดับสูญ ความน่ากลัวของพวกเขาคือการดื่มเลือดมนุษย์ด้วยฟันอันแหลมคม มักจะอาศัยอยู่ในช่วงระยะเวลากลางคืน หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงกลางวัน เต็มไปด้วยอำนาจวิเศษในการแปลงกายเป็นสิ่งต่างๆ  ผีดิบ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชาของปีศาจ เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานมากมายที่แสดงถึงความน่ากลัวและการมีอยู่จริงของพวกเขา มีเรื่องอะไรที่น่าติดตามบ้าง ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักปีศาจเหนือกาลเวลาที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีทางลบความน่ากลัวออกไปได้เลย แวมไพร์ ผีดิบที่มากด้วยพลัง ปีศาจดูดเลือดผู้เหี้ยมโหด Vampire เป็นผีดิบ ตามความเชื่อของชาวยุโรปยุคกลาง ที่โดยปกติแล้วจะมีหน้าตาและรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์ การพูดและกริยาท่าทางที่ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่จุดเด่นของปีศาจชนิดนี้คือการดื่มเลือดมนุษย์แทนการทานอาหาร เหล่าผีดูดเลือดเพื่อใช้หล่อเลี้ยงร่างกายและการมีชีวิตอยู่ด้วยฟันอันแหลมคม เชื่อกันว่า ปีศาจชนิดนี้จะไม่มีวันสิ้นสุด ชีวิตของพวกเขาเป็นอมตะและไม่มีวันตาย อีกทั้งยังมาพร้อมกับพลังวิเศษที่สามารถแปลงกายได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ค้างคาว, หมาป่า, งูพิเษ, นกฮูก หรือ หมาจิ้งจอก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพละกำลังที่ราวกับชายกำยำจำนวน 20 คน สามารถหายตัวได้ รวมถึงควบคุมสิ่งของได้อย่างอิสระ เรียกได้ว่าเป็นปีศาจที่มากไปด้วยอำนาจวิเศษ ที่ส่งผลให้ Vampire ไม่สามารถมีใครลบล้างความยิ่งใหญ่ลงได้เลย การมีอยู่ของ ผีดูดเลือด คือการออกมาใช้ชีวิตในช่วงเวลากลางคืนที่จะมีการปรากฏตัวขึ้น แต่ตอนกลางวันจะหลบซ่อนอยู่ภายในหลุมและโลงศพของตนเอง เนื่องจากมีอาการแพ้แสงแดดและดวงอาทิตย์ โดยเหล่าผู้คนในยุคกลาง ชาวยุโรปจะมีความกลัวผีดูดเลือดอย่างมาก […]

เรือผี ฟลายอิงดัตช์แมน เรือปีศาจกับการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด

เรือผี ฟลายอิงดัตช์แมน เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาอย่างยาวนานเลยทีเดียว ในกลุ่มของชาวประมงและผู้คนทั่วโลกที่ต่างสงสัยในความสยองขวัญของ Flying Dutchman เรือปีศาจที่โดนสาปให้ต้องร่อนเร่อยู่ในมหาสมุทรโดยไม่มีวันหลุดพ้นออกมาจนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก เรือผีสิงที่จะไม่สามารถหาทางออกและเดินทางกลับไปยังที่จากมาและเฝ้าขอความช่วยเหลือจากผู้ที่พบเห็น โดยมักจะมีชาวประมงเห็นการมีอยู่ของเรือปีศาจจำนวนมากในค่ำคืนที่มีหมอกหนา ที่เล่ากันว่าจะมีแสงออกมาในช่วงเวลากลางคืนเพื่อเป็นสัญญาณให้แก่ผู้ที่มองเห็น ส่งความคิดถึงและข้อความไปยังคนที่รออยู่ที่บ้าน ที่คนที่รู้จักและบนแผ่นดิน  ตำนาน เรือผี ฟลายอิงดัตช์แมน ต้องคำสาปชั่วกัลปาวสาน เรือปีศาจ ฟลายอิงดัตช์แมน หรือ De Vliegende Hollander ในภาษาดัชท์ เป็นเรือในตำนานที่ถูกเล่าขานถึงการต้องคำสาปและไม่สามารถหลุดพ้นได้ตลอดกัลปาวสาน มักจะมีผู้พบเห็นที่ Cape of Good Hope แหลมกู๊ดโฮปในแถบแอฟริกาใต้ ซึ่งความเป็นมาของเรือสุดสยองนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยเรือ Flying Dutchman เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่มีตัวตนอยู่จริงของบริษัท Dutch East India Company โดยมีกัปตันเรือ คือ Van Der Decken ผู้ที่ร่ำลือถึงจิตใจที่โหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ดุร้ายและไม่มีความศรัทธาแก่พระเจ้า จุดกำเนิดของ ฟลายอิงดัตช์แมน เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1680 หลังจากที่เรือภายใต้การควบคุมของกัปต้นผู้ดุร้ายได้เดินทางไปยังบริเวณดินแดนตะวันออกที่มีระยะทางค่อนข้างไกล แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยมในการไปถึงจุดหมาย […]

bloody mary ผีโชกเลือด ตำนานผีพื้นบ้านยุโรป

bloody mary  ตำนานพื้นบ้านอันแสนน่าสะพรึงกลัวของทวีปยุโรป  เกี่ยวกับผีสาวที่อยู่ในกระจกซึ่งในเวลาต่อมาได้นำมาใช้เป็นเกมวัดใจในการเรียกผีที่เป็นหญิงสาวออกมาจากกระจก ซึ่งทางเว็บ DemonGen ได้ ได้รวบรวมเรื่องเล่าความเป็นมาพร้อมทั้งวิธีเล่นบางส่วนให้รู้จักกันดังนี้ เรื่องเล่าของผีหญิงสาวผู้น่าสงสาร เป็นตำนานพื้นบ้านที่มีมานานเป็นศตวรรษ  บางตำนานเชื่อว่า  ผีสาวโชกเลือดตนนี้  แท้จริงแล้ว  ในช่วงที่มีชีวิตอยู่  เป็นหญิงหม้ายที่ต้องเสียลูกไป  ทำให้เธอเสียสติในเวลาต่อมาและได้ฆ่าตัวตายที่หน้ากระจก  ทำให้ดวงวิญญาณของเธอสิงอยู่ในกระจกแทน  ในส่วนของวิธีการเล่นนั้น  ต้องเป็นห้องมืดและมีกระจก พร้อมเทียน 1 เล่มในมือ  จุดไฟแล้วร้องเรียกชื่อเธอ 3 ครั้ง  ซึ่งการปรากฎกายของเธอมาในสภาพโชกเลือดทุกครั้ง  บางครั้งไม่ทำอันตรายแก่ผู้ที่เรียกชื่อเธอ  ทว่า  ส่วนใหญ่จะทำอันตรายจนถึงแก่ชีวิตค่ะ  ในส่วนของขั้นตอนการเล่น  มีหลายขั้นตอนด้วยกัน  เช่น  จำนวนรอบในการเรียกชื่อมีตั้งแต่ 3 รอบไปจนถึง 100 รอบ  หรือในบางพื้นที่ ใช้วิธีหมุนตัวไปรอบ ๆ ตอนเที่ยงคืนและเรียกชื่อเธอไปด้วย   เธอก็จะปรากฏตัวออกมาให้เห็นในสภาพโชกเลือดค่ะ bloody mary เรื่องเล่าผีไทยสุดหลอน  มาถึง ผีไทย ๆ ของเรากันบ้างนะคะ  ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่มี  ซึ่งทางไรเตอร์ได้รวบรวมและเสาะหาเอาไว้แล้วดังนี้  ความหลอนเริ่มต้นที่บ้านทรงเสปนแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 32  บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในซอยลึก  […]

annabelle ผีเด็กน้อยหรือซาตาน ครอบครองไว้ อาจถึงตายได้

annabelle ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่เชื่อกันว่า  มีวิญญาณเด็กผู้หญิงสิงอยู่ในตัวตุ๊กตา  กระทั่งวันหนึ่ง  มีผู้หญิงคนหนึ่งได้นำตุ๊กตาตัวนี้มาเก็บไว้ในห้อง  และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  ก็พบกับเหตุการณ์ประหลาด ๆ  เรื่อยมา  จนต้องอาศัยคนทรงเจ้าให้ช่วยตรวจสอบดูว่า   มีสิ่งใดที่ผิดปกติรึเปล่า?  ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น  ให้อ่านในเว็บ DemonGen  ได้เลยค่ะ เรื่องราวความเป็นมาตุ๊กตาเด็ก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1970   มีผู้หญิงคนหนึ่งซื้อตุ๊กตาผ้าตัวนี้จากร้านขายของเก่าเพื่อนำมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับลูกสาวที่ชื่อว่า  ดอนน่า  ซึ่งเป็นนักศึกษาพยาบาล  ทว่า  ตั้งแต่นำตุ๊กตาตัวนี้มาเก็บไว้ที่ห้อง  ดอนน่ากลับพบเจอแต่เหตุการณ์ประหลาด ๆ  เธอตัดสินใจติดต่อคนทรงเจ้าให้เข้ามาช่วยตรวจดู  พบว่า  มีวิญญาณของเด็กสิงอยู่และกำลังต้องการคนดูแล  ดอนน่ากับเพื่อนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน  เกิดความรู้สึกสงสาร  ตัดสินใจรับเลี้ยงไว้ในห้อง  ทว่าเพื่อนอีกคนกลับรู้สึกไม่เชื่อถือในตัวตุ๊กตา  บอกไปว่า  อย่าเก็บตุ๊กตาตัวนี้ไว้อีกเลย  ผลลัพธ์จากความปรารถนาดี  ทำให้เพื่อนที่ว่ากล่าวด้วยความหวังดีถูกทำร้าย  ตามร่างกายจนเกิดรอยขีดข่วน  ทำให้ดอนน่าและเพื่อนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน  เริ่มไม่ไว้ใจในตุ๊กตาที่ตัวเองครอบครอง  ถึงติดต่อบาทหลวงให้ช่วยตรวจดูอีกครั้งก็พบว่าแท้จริง  เป็นปีศาจร้ายมีอำนาจเทียบเท่าซาตาน สามารถฆ่าคนตายได้  ดังนั้น  ดอนน่าถึงตัดสินใจนำตุ๊กตาไปเก็บไว้ที่ พิพิธภัณฑ์วอร์เรนออกคัลท์ ที่เมืองมอนโร รัฐคอนเนตทิคัต  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรวบรวมของแปลก ๆ    โดยเก็บไว้ในกระจกพร้อมข้อความเตือน  ห้ามเปิดกระจกเป็นอันขาด […]