ผีกะ เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ซึ่งพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผีปอบ คือเข้าสิงในคน และชอบกินของสดของคาว ซึ่งคนที่เลี้ยงผีกะจะเป็นคนที่มีวิชาอาคม เล่นคุณไสยและเล่นของ ผีกะมักจะถูกเลี้ยงไว้ในหม้อดิน โดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ โดยจะวางไว้บนเพดานบ้าน และเจ้าของจะเซ่นผีกะด้วยไข่ดิบวันละฟอง
แต่เดิมคนที่เริ่มนำผีกะมาเผยแพร่ คือพวกนักแสดงลิเก หรือพวกนักดนตรี เรียกว่าผีกะพระ-นาง ซึ่งผีกะชนิดนี้มีลักษณะคล้ายวอกหรือค่าง ตัวเล็ก ๆ สองตัว มักจะนั่งบนบ่าคนเลี้ยง มีคุณประโยชน์ตรงที่ถ้าหากใครเลี้ยงไว้ไม่ว่านักแสดงจะขี้เหร่แค่ไหน พอตกกลางคืนมันจะเลียหน้าทำให้ยิ่งดึกนักแสดงคนนั้นยิ่งงดงาม ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอด ๆอยาก ๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง ต้องหาหมอผีมาไล่ออกไปเป็นประจำ
ผีกะมีหลากหลายชนิดซึ่งได้แก่
ผีกะพระ-นาง
ผีกะต้นฉบับดั้งเดิม ไม่มีใครรู้ว่ามาจากที่ไหน แต่เป็นที่นิยมเลี้ยงกัน เพื่อให้มันเรียกคนดูมาชมการแสดง ทำให้คนดูหลงใหลในการแสดงของนักแสดงคนนั้น ๆ แม้ว่ากลางวันจะขี้เหร่แค่ไหน แต่ตอนกลางคืนผีกะสามารถทำให้นักแสดงคนนั้น ๆสวยหรือหล่อหยาดฟ้ามาดินได้
ผีกะ ดง
คำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าผีกะตนนี้ มีอยู่ในนิทานพื้นบ้าน ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ผีกะชนิดนี้มีความดุร้าย วิ่งไวดุจลมพัด มักออกหากินเป็นฝูงในยามพลบค่ำ แต่น้ำลายของผีกะชนิดนี้วิเศษมาก สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกชนิด ทำให้ร่างกายมีความคงกระพันชาตรี ในเรื่องเล่าว่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง หลงรักลูกสาวของคหบดีในตัวเมือง แต่พ่อตาไม่ชอบเพราะว่าชายหนุ่มยากจน จึงจัดการให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับชายหนุ่มที่มั่งคั่ง
ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็ทราบเรื่องของเจ้าสาวดี จึงส่งคนไปทำร้ายคนรักของเจ้าสาว และหิ้วไปทิ้งในป่า ชายหนุ่มผู้สะบักสะบอม ไม่อาจเคลื่อนไหวได้จึงได้แต่นอนรอความตาย รอให้สัตว์ร้ายในป่ามากิน ประจวบกับเวลานั้น มีฝูงผีกะดงกำลังออกหากิน ลูกฝูงผีกะจับขาชายหนุ่มเพื่อลากไปเป็นอาหาร ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบ ก็สร้างความแปลกใจให้กับหัวหน้าผีกะเป็นอย่างมาก จึงห้ามลูกฝูงและสอบถามเรื่องราวของชายหนุ่มเล่า และเมื่อหัวหน้าผีกะได้ยินก็เห็นใจ จึงบอกว่า หากชายหนุ่มยอมนับถือพวกตนเป็นผีประจำตระกูล ก็จะช่วยให้ชายหนุ่มได้สมหวัง ชายหนุ่มจึงตอบตกลง
เมื่อพวกมันได้ยินดังนั้นจึงพากันรุมเลียตัวของชายหนุ่ม และด้วยอานุภาพน้ำลายบาดแผลจากการถูกทำร้ายจึงหายสนิท และฝูงผีกะก็พาชายหนุ่มนั่งบนบ่า บุกบ้านงานแต่ง เหล่าลูกน้องของเจ้าบ่าวที่เห็นดังนั้น ก็รุมทุบรุมฟาดชายหนุ่ม แต่ก็ไม่อาจทำร้ายชายหนุ่มได้แม้แต่นิดเดียว เพราะฝูงผีกะดงกำบังตาไว้ และถีบลูกน้องจนกระเด็นตกเรือนกันหมด เหล่าพวกผีกะจึงพาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวออกมาโดยสะดวก และหัวหน้าผีกะก็ทองคำและสมบัติที่พวกตนเฝ้ารักษาไว้ให้กับ ชายหนุ่มปฏิบัติตามคำสัญญาและนับถือผีกะเป็นผีประจำตระกูลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผีกะอาคม
การเรียนวิชาอาคมในสมัยโบราณ ว่ากันว่าครูจะหวงวิชามาก ดังนั้นก่อนการเรียนจะต้องมีการขึ้นครูก่อนเสมอเพื่อให้อาคมนั้นสามารถรักษาผู้เรียนได้ แต่ก็มีคนบางคนที่เรียนอาคมโดยไม่ได้ขึ้นครูก่อน จึงทำให้โดนคำสาปที่ครูสาปแช่งไว้ในปั๊บหรือตำรานั้น ๆ ทำให้กลายเป็นผีกะ ซึ่งผีชนิดนี้จะสิงสู่ในตัวผู้เรียนโดยไม่รู้ตัว แต่ยามค่ำคืนมันจะออกไปหาอาหาร โดยแปลงตัวให้เหมือนหน้าร่างกายที่มันสิงอยู่ และยังเป็นผีที่มีพลังเยอะมากทำให้จัดการกับมันได้ยาก
ผีกะ ตระกูล
ผีกะอีกสายหนึ่งที่มีคุณอนันต์เช่นกัน ซึ่งเป็นที่นิยมเลี้ยงแพร่หลายของชาวภาคเหนือ วิธีสังเกตว่าบ้านไหนเลี้ยงผีกะ ให้ดูนาของบ้านนั้น ๆ ไม่ว่านานั้นจะอยู่ที่ดอนหรือที่ลุ่ม ไม่ว่าฝนจะแล้งหรือฝนจะขาด นาของบ้านนั้นมักจะอุดมสมบูรณ์เสมอ ไม่มีแมลงมากวน ไม่มีโรคระบาด ถ้าหากเลี้ยงดีก็จะมีคุณมาก แต่ถ้าหากเลี้ยงไม่ดี มันจะออกหากินสิงสู่ชาวบ้าน
ผีกะตายโหง
คนบางคนเมื่อตายโหง จิตใจยังพะวกพะวนกับโลก จึงสิงสู่ในที่ๆตนตาย แต่เพราะความยึดถือในกายว่าตนยังไม่ตาย เมื่อไม่ได้กินอะไรนานๆเข้า มันหิวกระหาย จึงสิงสู่คนผู้มีจิตอ่อนแอทำให้กลายเป็นผีกะโดยไม่รู้ตัว
นกเค้าผีกะ
ผีกะชนิดนี้มีทูตเป็นนกเค้าแมว สังเกตได้ง่ายว่าหากจะมีผีกะมาเยือนหมู่บ้านไหน กลางคืนคืนนั้นจะมีนกเค้าแมวมาร้อง ดังไปทั่วหมู่บ้าน
เครดิตภาพ
https://www.thairath.co.th/novel/Pika
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/898609/
บทควมที่คุณอาจสนใจ กองกอย ผีหวงสมบัติ